หลังจากที่ทางค่าย Walt Disney ประสบความสำเร็จกับการนำเอาทั้งเจ้าหญิงนิทราและซินเดอเรลล่ามาปรับโฉมให้เป็น Live Action (หรือภาพยนตร์ฉบับคนแสดง) ใน Maleficent (2014) และ Cinderella (2015) ก็ถึงคร่าวสำหรับ Belle หนึ่งในเจ้าหญิงสุดคลาสสิคจากปี 1991 ที่จะได้ปรากฏโฉมในภาพยนตร์ Live Action ของตนเองบ้างกับเรื่อง Beauty and The Beast ที่กำลังเข้าฉายในบ้านเราในขณะนี้
เรื่องราวใหม่ๆ ในรูปโฉมแบบดั้งเดิม
สำหรับใครหลายๆ คนที่เป็นแฟนพันธ์ุแท้การ์ตูน Animation เรื่อง Beauty and The Beast (ฉบับปี 1991) อาจจะรู้สึกสงสัยใช่ไหมละครับว่าหนังเรื่องนี้นั้นมันจะแตกต่างจากในฉบับการ์ตูนยังไง ? จะเป็นการนำเอาแค่ของเก่ามาปรับให้มันเป็นคนแสดงเฉยๆ ไหม ? แล้วมันจะมีอะไรที่เปลี่ยนแปลงไปบ้าง ? ถ้าหากคุณเป็นคนหนึ่งที่เคยตั้งคำถามเหล่านี้ก่อนที่จะไปดูภาพยนตร์ละก็บอกได้เลยครับว่าใน Beauty and The Beast เวอร์ชั่นปี 2017 ที่กำลังเข้าฉายในบ้านเรา ณ ขณะนี้คุณจะไม่ต้องกังวลกับมันเลย เพราะคุณจะได้สัมผัสกับบรรยากาศที่คุ้นเคยต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น ฉากเด่นๆ ของเรื่องที่ยังปรากฏในภาพยนตร์อย่างครบครันหรือเพลงต่างๆ ที่คุณเคยได้ยิน (เรียกได้ว่าปลุกบรรยากาศในวัยเด็กของคุณให้กลับมาอีกครั้ง) อย่างไรก็ตามจนถึงบรรทัดนี้หลายๆ คนอาจจะยังไม่ตอบโจทย์ใช่ไหมละครับว่ามันมีอะไรที่เปลี่ยนแปลงไป คำตอบก็คือมันมีการขยายปมให้กว้างขึ้นครับว่าสรุปแล้วก่อนที่ Beast จะร้ายอย่างที่เป็นอยู่นั้นมันมีสาเหตุมาจากอะไรกันแน่ รวมถึง Belle ที่มีการคลายปมที่ทุกคนสงสัยเช่นเดียวกันเกี่ยวกับเรื่องไหนอดีตของเธอว่าเพราะเหตุใดตัวละครตัวนี้ถึงได้อยู่กับพ่อแค่เพียงสองคนเท่านั้น จนพูดได้ว่าผู้กำกับอย่าง Bill Condon นั้นค่อนข้างจะทำการบ้านมาดีเลยทีเดียวกับการนำปมที่ทาง Disney ทิ้งเอาไว้เหล่านี้มาขยายจนได้ออกมาเป็นเนื้อเรื่องที่ค่อนข้างจะสมบูรณ์แบบเป็นอย่างมาก มาที่ดารานำกันบ้างสำหรับด้านนักแสดงสาวอย่าง Emma Watson (ซึ่งไม่มีอะไรเกี่ยวกับ อัสนี วสันต์ แต่อย่างใด) นั้นในเรื่องนี้ถือได้ว่าเธอเป็นความดีงามอย่างหนึ่งเลยก็ว่าได้ (นอกจากเสียงเพลงที่คุณอาจจะได้ยินตลอดทั้งเรื่อง) โดยเฉพาะด้านการแสดงที่เธอสามารถถ่ายทอดความเป็น Belle ออกมาได้เป็นอย่างดีจนไร้ที่ติจนคุณจะต้องอินไปกับตัวละครตัวนี้อย่างแน่นอน
พลิกโฉม Beauty and The Beast
สำหรับหนังเรื่องนี้โดยส่วนตัวแล้วผมมองว่ามันค่อนข้างพลิกโฉม Beauty and The Beast ไปพอสมควรเลยละครับกับการเปลี่ยนให้หนังเรื่องนี้กลายมาเป็น Musical ไปโดยสมบูรณ์แบบ (ทั้งร้องทั้งเต้นกันตลอดเรื่อง) ซึ่งถ้าหากใครที่ไม่ชอบละครเพลงละก็อาจพาให้เบื่อได้ง่ายๆ นอกจากนี้ในส่วนของมุมกล้องนั้นค่อนข้างที่จะเน้นการตัดสลับไปสลับมาจนอาจทำให้คนที่ดูแบบ 3 มิติเกิดอาการปวดหัวได้ เพราะฉะนั้นแล้วถ้าหากใครที่มีแพลนจะไปดูหนังเรื่องนี้แบบ 3 มิติขอให้ทำใจตรงส่วนนี้ไว้นิดหนึ่งนะครับ
หนังดีน่าดู
สำหรับใครที่ชื่นชอบเจ้าหญิง Disney, ละครเพลง หรือตัวของ Belle เองละก็บอกได้เลยครับว่าต้องห้ามพลาดกับภาพยนตร์เรื่องนี้ด้วยประการทั้งปวงเพราะนอกจากที่คุณจะได้สัมผัสกับบรรยากาศแบบเดิมๆ แล้ว อีกสิ่งหนึ่งที่คุณจะได้สัมผัสจากมันก็คือเรื่องราวที่กว้างขึ้นกว่าเดิม (เล็กน้อย) จากที่คุณเคยรู้ จนอาจทำให้คุณตกหลุมรักเจ้าหญิงคนนี้อีกครั้งก็เป็นได้